โมเมนตัมในชีวิตประจำวัน
วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
โมเมนตัมในชีวิตประจำวัน: ่้่ไฮโดรลิก กลุ่มที่ 2
โมเมนตัมในชีวิตประจำวัน: ่้่ไฮโดรลิก กลุ่มที่ 2: "http://www.youtube.com/watch?v=X09QvFLhTGo&hd=1"
วันจันทร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2554
วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
โมเมนตัม หมายถึง ความสามารถในการเคลื่อนที่ของวัตถุ ซึ่งมีค่าเท่ากับผลคูณระหว่างมวลและความเร็วของวัตถุ มวลเป็นปริมาณสเกลาร์ แต่ความเร็วเป็นปริมาณเวกเตอร์ เมื่อนำปริมาณทั้งสองเข้าคูณด้วยกัน ถือว่าปริมาณใหม่เป็นปริมาณเวกเตอร์เสมอ ฉะนั้นโมเมนตัมจึงเป็นปริมาณเวกเตอร์ คือมีทั้งขนาดและทิศทาง
เมื่อ แทน โมเมนตัมของวัตถุ มีหน่วยเป็นกิโลกรัม เมตร/วินาที
m แทน มวลของวัตถุ
แทน ความเร็วของวัตถุ
จะได้สมการ =
ค่าโมเมนตัมขึ้นกับค่ามวลคูณความเร็ว ถ้าพิจารณาปรากฏการณ์ในชีวิตประจำวัน เช่น รถยนต์แล่นชนคน กระสุนปืน กระทบเป้า หรือรถบดถนนแล่นช้าชนสุนัข ซึ่งผลจะรุนแรงมากน้อยเพียงใดขึ้นกับค่าโมเมนตัม การดล คือปริมาณที่เกิดจากการที่มีแรงกระทำต่อวัตถุในช่วงเวลาหนึ่งแล้วทำให้วัตถุนั้นเกิดการเคลื่อนที่ หรือมีความเร็วเกิดขึ้น หรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ อาจกำหนดนิยามของการดล ดังนี้
"การดล หมายถึงผลคูณของแรงกระทำกับช่วงเวลาที่แรงนั้นกระทำ และมีผลทำให้วัตถุมีโมเมนตัมเปลี่ยนไป"
การดลเป็นปริมาณเวกเตอร์ การดลของแรง ต้องมีทิศเดียวกับแรง เสมอ
สามารถเขียนสมการการดลของแรงลัพธ์ได้ดังนี้
การดล = แรงลัพธ์ x ช่วงเวลา
= Σ .
Σ =
การชนในแนวตรง และการดีดตัวแยกออกจากกัน
การชน การชนเป็นกระบวนการที่วัตถุกระทบกันในช่วงเวลาที่สั้นมากจนเกินที่สายตาจะสังเกตลักษณะต่าง ๆ ขณะชนได้ ขณะชนจะเกิดแรงดลที่วัตถุแต่ละก้อนโดยขนาดของแรงเท่ากัน แต่มีทิศทางตรงกันข้ามการชนของวัตถุสองสิ่งในวิชาฟิสิกส์ มีสองประเภท คือการชนแบบวัตถุสัมผัสกัน เช่น รถชนกัน และการชนแบบไม่สัมผัสกัน เช่น การชนของแม่เหล็กขั้วเหมือนกัน และการชนของประจุไฟฟ้าชนิดเดียวกัน
ถ้าพิจารณาที่ทิศทางของการชน จะแบ่งการชนได้สามแบบ
1. การชนใน 1 มิติ หรือการชนในแนวตรง หมายถึงการชนกันของวัตถุซึ่งอยู่ในระนาบเดียวกัน แนวการเคลื่อนที่ของวัตถุทั้งสองก่อนชนและหลังชนอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน แนวของการชนจะผ่านจุดศูนย์กลางมวลของวัตถุ
2. การชนใน 2 มิติ หรือการชนในแนวเฉียง หมายถึงการชนของวัตถุซึ่งอยู่บนระนาบเดียวกัน แต่แนวของการชนไม่ผ่านจุดศูนย์กลางมวล แนวการเคลื่อนที่ของวัตถุก่อนชนและหลังชนไม่อยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน
3. การชนใน 3 มิติ หมายถึงการชนกันของวัถุตุซึ่งแนวการเคลื่อนที่ของวัตถุทั้งสองทั้งก่อนชนและหลังชนไม่จำเป็นต้องอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน และไม่จำเป็นต้องอยู่ในระนาบเดียวกัน
ถ้าพิจารณาถึงพลังงานจลน์ก่อนชนและหลังชนของวัตถุ จะแบ่งการชนได้สองแบบ
1. การชนแบบยืดหยุ่น หมายถึงเมื่อเกิดการชนกันแล้ว พลังงานจลน์จะถูกเปลี่ยนไปเป็นพลังงานความร้อนหรือพลังงานเสียงน้อยมาก ในทางอุดมคติ ถ้าพลังงานจลน์ไม่มีการสูญเสียเลย เราเรียกว่าการชนแบบยืดหยุ่นสมบูรณ์ การชนแบบนี้ทั้งโมเมนตัมและพลังงานจลน์ของระบบคงตัว
2. การชนแบบไม่ยืดหยุ่น หมายถึงเมื่อเกิดการชนกันแล้วพลังงานจลน์จะถูกเปลี่ยนไปเป็นพลังงานรูปอื่น เช่นพลังงานความร้อนหรือพลังงานเสียง หรือถ้าวัตถุชนกันแล้วติดกันไปเป็นก้อนเดียวกัน เราเรียกว่าการชนแบบไม่ยืดหยุ่นสมบูรณ์ การชนแบบนี้โมเมนตัมของระบบคงตัว แต่พลังงานจลน์ของระบบไม่คงตัว
การดีดตัวแยกจากกันหรือการระเบิดแตกตัวออกจากกัน ถ้าพิจารณาการระเบิดแตกตัวออกจากกันของวัตถุ วัตถุอยู่นิ่งไม่มีความเร็ว ขณะนั้นพลังงานจลน์รวมของวัตถุเป็นศูนย์ เมื่อมีการระเบิดวัตถุแต่ละส่วนจะแตกตัวมีความเร็ว จึงมีค่าพลังงานจลน์รวมเพิ่มขึ้น แต่ผลรวมโมเมนตัมของวัตถุทุกก้อนจะมีค่าคงตัว เช่น เดิมวัตถุอยู่นิ่งโมเมนตัมเป็นศูนย์ เมื่อแตกตัวแล้วแต่ละก้อนจะมีโมเมนตัม และเมื่อรวมกันแบบเวกเตอร์แล้วจะได้ค่าโมเมนตัมรวมเป็นศูนย์เท่าเดิม
อัตราการเปลืองของพลังงานในรถยนต์มีผลต่อค่าน้ำมัน อย่างเช่น ถ้าขับรถเร็ว 90 km/h ประหยัดกว่าขับด้วยความเร็ว 120 km/h อย่างนี้ ก็เป็นตัวอย่างปัจจุบันที่ สามารถนำมาคำนวณให้เห็นได้ว่า ประหยัดกว่าอย่างไร แต่ในชีวิตจริงแทบจะไม่มีใครมาคำนวณ
หรือเรื่องพลังงานหาร 2 ที่เป็นสป็อดโฆษณาต่าง ๆ นั้น สามารถโยงเข้ามากับบทเรียนฟิสิกส์ได้ไม่ยาก
http://www.youtube.com/watch?v=DZvwHk9GOn8&feature=related
แต่ถ้าม
แรงดล
แรงดล คือแรงที่กระทำกับวัตถุในช่วงเวลาสั้น ๆ อาจทำให้วัตถุเกิดการเคลื่อนที่ หรือไม่เคลื่อนที่ก็ได้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)